img-S0138

“Nirvana BEYOND Rama 2” บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ Nordic Style

“Nirvana BEYOND Rama 2”

บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ Nordic Style ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต


     หนึ่งในปัจจัยของการเลือกที่อยู่อาศัยนั้น นอกเหนือจากเรื่องทำเลที่ต้องสะดวกและปลอดภัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่ต้องครบครันสำหรับทุกคนในครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญที่หลายคนไม่ควรจะมองข้ามเลยก็คือเรื่องของ “รูปแบบดีไซน์บ้าน” นั่นเองครับ

ว่ากันว่า… รูปแบบดีไซน์ของบ้านก็เหมือนหน้าตาของเจ้าของบ้าน!! ดังนั้นเรื่องของดีไซน์รูปแบบบ้านจึงกลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่หลายคนนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกบ้าน 

และอีกหนึ่งแบบบ้านที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้น “Nordic Style” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามักเจอแบบบ้านนี้ในกลุ่มของ Luxury House และทางโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” ก็เป็นอีกโครงการที่เตรียมเปิดตัวแบบบ้านเฟสใหม่ Nordic Style เช่นกันครับ



“Nordic Style”
แบบบ้านที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ

     ซึ่งหากเราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “Nordic Style” กันนั้น บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่า Nordic Style นั้นมีอีกชื่อเรียกว่า “Scandinavian Style” จะเป็นคำที่ใช้เรียกการแต่งบ้านของคนแถบสแกนดิเนเวียครับ ซึ่งประเทศในแถบนี้จะมีทั้ง Denmark, Norway, Sweden และ Finland ซึ่งได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า Organic Form รูปแบบบ้านจะไปในทาง Modern แต่ให้ความนุ่มนวลและเส้นสายที่สวยงามกว่า


    

 โดยแนวคิดหลักของการออกแบบบ้านสไตล์นี้ หลักๆ จะเป็นเรื่องของการเน้นพื้นที่ใช้สอยที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่ มาพร้อมเอกลักษณ์ภายในที่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาว สีพาสเทล พื้นไม้สนหรือปูนเปลือย และเน้นการเปิดช่องแสงด้วยหน้าต่างแบบเต็มบาน ซึ่งนี่แหละครับ ที่มาของแบบบ้านเฟสใหม่ของทางโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” ที่ลงตัวกับผู้ที่มีความทันสมัยอยู่ในตัว แต่ยังคงชอบความ Contemporary Retro นี่จึงเป็นอีกสไตล์หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ



“Nirvana BEYOND Rama 2” เปิดตัวแบบบ้านเฟสใหม่
“ผสมผสานความอบอุ่น… Nordic Style”

     “Nirvana BEYOND Rama 2” บ้านเดี่ยวที่เป็นมากกว่าบ้าน ที่จะเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตให้เกิดความแตกต่าง และอยู่อาศัยอย่างลงตัว ทุกฟังก์ชันการใช้งานภายในโครงการนั้นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ บ้านถูกออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการจัดวาง MASS & VOID เพื่อสร้างความสวยงามรวมถึงทำให้เกิดประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยอย่างพอดี และล่าสุดนั้นทางโครงการเตรียมเปิดตัวแบบบ้านเฟสใหม่ “Nordic Style” ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 Type ดังนี้ครับ…



NORDIC 242

◼ 62.6 ตร.ว. | 242 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 3 PARKING





NORDIC 306

◼ 70.1 ตร.ว. | 306 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 1 MAID | 2 PARKING

     โดยรูปแบบบ้านใหม่นั้นจะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 242 และ 306 ตร.ว. ส่วนเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานของแบบบ้านใหม่นี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือการเป็นที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้ทุก Generation ซึ่งการเลือกสรรบ้านที่สามารถรองรับความต้องการของคนในครอบครัวที่แตกต่างกันออกไปได้อย่างลงตัวนั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกครอบครัว และทางโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” ก็เป็นอีกโครงการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นเดียวกันครับ



บ้าน…
ที่ออกแบบด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดการใช้ชีวิต

     นอกจากแบบบ้านเฟสใหม่ที่ทาง “Nirvana BEYOND Rama 2” ได้เปิดตัวไปนั้น ทางโครงการก็ยังมีแบบบ้านเดิมด้วยกันทั้งหมด 8 Type ซึ่งแต่ละ Type นั้นจะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต่างกันออกไป ตัวดีไซน์มาในรูปแบบ Natural Modern โดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้นและ 3 ชั้น ดังนี้ครับ


5 แบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น
ฟังก์ชันจัดเต็มทุกพื้นที่ใช้สอย



KEEN

◼ 50.8 ตร.ว. | 311 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 3 PARKING




NICHE

◼ 50.5 ตร.ว. | 317 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 2 PARKING




LIVE

◼ 61.3 ตร.ว. | 357 ตร.ม.
◼ 4 BED | 5 BATH | 3 PARKING




MOST

◼ 71.2 ตร.ว. | 418 ตร.ม.
◼ 4 BED | 5 BATH | 3 PARKING




PRIDE

◼ 89.3 ตร.ว. | 550 ตร.ม.
◼ 5 BED | 6 BATH | 3 PARKING



3 แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น
ลงตัวทุกครอบครัว ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย



SANE

◼ 52 ตร.ว. | 232 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 2 PARKING




REACH

◼ 73 ตร.ว. | 289 ตร.ม.
◼ 4 BED | 4 BATH | 3 PARKING




QUEST

◼ 102 ตร.ว. | 365 ตร.ม.
◼ 4 BED | 5 BATH | 3 PARKING



     แน่นอนว่ารูปแบบบ้านทางโครงการมีมาให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียวครับ ดังนั้นสำหรับคนที่สนใจอาจจะตัดสินใจยากว่าต้องเลือกแบบไหนถึงจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเองที่สุด และแบบบ้าน 2 ชั้นกับ 3 ชั้นนั้นต่างกันอย่างไรบ้าง เราลองมาเปรียบเทียบแบบบ้านทั้ง 2 แบบกันดูครับ


     สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยก็คือเรื่องของพื้นที่ใช้สอยนั่นเองครับ โดยบ้าน 3 ชั้น จะมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า ตั้งแต่ 311 – 550 ตร.ม. ดังนั้นเรื่องของการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยก็จะมีมากกว่า อีกทั้งยังลงตัวกับกลุ่มครอบครัวใหญ่ โดยแบบบ้าน 3 ชั้นเองก็มีรูปแบบให้เลือกมากถึง 5 แบบ ส่วนบ้าน 2 ชั้นจะมีเพียงแค่ 3 แบบเท่านั้น

     แต่สำหรับคนที่ชอบบ้านแบบ Double Volume ตัวบ้าน 2 ชั้นก็ถือว่าตอบโจทย์มาก ด้วยรูปแบบบ้านที่ออกแบบมาให้โปร่ง โล่ง และอยู่สบาย แต่หากครอบครัวไหนที่เป็นสายกิจกรรม ซึ่งการมีพื้นที่ Courtyard กลางบ้านแบบบ้าน 3 ชั้นก็ถือว่าตอบโจทย์มากครับ






     ส่วนบรรยากาศภายในตัวโครงการนั้นสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีตั้งแต่หน้าโครงการที่เป็น Double Gate Security แต่ยังมีเรื่องของพื้นที่สีเขียวที่แวดล้อมทั่วทั้งโครงการกว่า 5 ไร่ เรียกได้ว่าให้ความสงบและเป็นส่วนตัวมากเลยทีเดียวครับ

     ได้รู้จักกับตัวโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” กันมาแล้ว อีกสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่จะสามารถเข้ามา Support เหตุผลได้ว่าที่นี่คือโครงการที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ดีแค่ไหนนั้น ก็คือเรื่องของศักยภาพทำเลนั่นเองครับ เราลองไปเจาะลึกในส่วนของทำเลพระราม 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” กันครับ



“Nirvana BEYOND Rama 2”
บนทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่พระราม 2 ใกล้ทุกจุดเชื่อมต่อ

     เรียกได้ว่าเป็นอีกโครงการที่เข้ามาปักหมุดอยู่ในทำเลที่ดีมากสำหรับการอยู่อาศัย เพราะตัวโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” อยู่ติดกับตัวถนนใหญ่พระราม 2 เลยครับ สะดวกในเรื่องของการเดินทาง และความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว ไม่ต้องเข้าซอย หรืออยู่บนถนนรอง





     แต่หากเราลองย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 11 ปีที่แล้ว ต้องบอกว่าทำเล “พระราม 2” ในวันนั้นกับวันนี้ต่างไปจากเดิมเยอะมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของความเจริญที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ศักยภาพของทำเลนั้นเป็นที่น่าจับตามองของเหล่า Developer เป็นอย่างมาก  จากย่านที่แต่เดิมเคยถูกมองว่าอยู่ห่างไกลความเจริญเพราะรถไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง จนถึงวันนี้ที่แม้ว่าจะยังไม่มีรถไฟฟ้า แต่ทำเลพระราม 2 กลับเป็นทำเลที่ตอบโจทย์เรื่องของการเดินทางได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง




     อีกจุดเด่นของทำเลพระราม 2 ก็คือการเป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อในเรื่องของการเดินทางได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะอย่างที่เราทราบกับดีว่าพระราม 2 เป็นทำเลที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังอยุธยาเพื่อเดินทางเข้าสู่โซนอีสานได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การที่รถไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงย่านพระราม 2 ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการเดินทาง แต่ในทางกลับกันนั้นในอนาคตย่านนี้จะมีทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รวมไปถึงมอเตอร์เวย์บางขุนเทียน – วังมะนาว, เส้นทางเชื่อมถนนเพชรเกษม – ถนนสุขสวัสดิ์, ทางด่วนดาวคะนอง – วงแหวนตะวันตก และสะพานพระราม 2 อีกด้วยครับ



 


 

     นอกจากนี้แล้วยังมีในเรื่องของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้ทำเลพระราม 2 เป็นทำเลที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการอยู่อาศัยมากขึ้น เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Community Mall และร้านอีกอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Central พระราม 2, THE BRIGHT พระราม 2, Bic – C พระราม 2, Tesco Lotus พระราม 2




     นอกจากนี้แล้วในทำเลพระราม 2 ยังเป็นอีกทำเลที่มีตลาดใหญ่ๆ เป็นจำนวนมาก เป็นอีกสถานที่ที่รวมผู้คนหลากหลายไลฟ์สไตล์มาไว้ด้วยกัน ทั้งตลาดนัดกลางคืนและกลางวัน เรียกได้ว่าเปิดให้บริการกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตลาด Green Day, ตลาด Indy ดาวคะนอง, ตลาดเปิดท้าย Lotus พระราม 2 หรือตลาดมาวิน พระราม 2



การเดินทางที่สะดวกไปยัง 2 แหล่งงานขนาดใหญ่

     อีกเหตุผลของการบอกว่าทำเลไหนเป็นทำเลน่าอยู่อาศัย หลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่ม Entrepreneur กับทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งงานที่สำคัญๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเดินทางไปย่าน CBD ของกรุงเทพได้ง่ายดาย อย่างทำเลพระราม 2 เองก็เป็นอีกทำเลที่มีบริษัทฯ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่อยู่ภายในย่านโดยกระจายตัวกันเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าถามหาแหล่งงานที่สำคัญคงต้องบอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กับ 2 แหล่งงานสำคัญขนาดใหญ่อย่าง “นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร” และ “นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 30 กม. 

     โดยข้อมูลจาก datawarehouse ในปี 2561 พบว่าเขตบางขุนเทียน แขวงแสมดำ มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ประมาณ 46 ที่ และรายได้เฉลี่ยของโรงงานในย่านนี้อยู่ที่ประมาณ 49,859,078 บาท/ปี คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเท่ากับมีรายได้เดือนละ 4,154,923 บาท/เดือน ดังนั้นไม่แปลกใจครับที่มีหลายโครงการเข้ามาปักหมุดอยู่ในทำเลพระราม 2 เป็นจำนวนมาก และมีอัตราที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
 

     นอกจากนี้แล้วอีกฝั่งที่น่าสนใจก็คือโซนพระราม 3 ซึ่งเป็นอีกทำเลที่เชื่อมต่อกับทำเลพระราม 2 โดยใช้เวลาในการเดินทางด้วยทางด่วนเพียง 20 – 30 นาทีเท่านั้น ต้องยอมรับครับว่าพระราม 3 ในปัจจุบันกลายเป็นอีกทำเลที่แวดล้อมไปด้วยแหล่งงานที่สำคัญๆ เป็นจำนวนมาก และอีกจุดเด่นของที่นี่คือเชื่อมต่อทำเลสำคัญทั้งฝั่งสาทร หรือแม้แต่โซนพระราม 9 ได้สบายๆ ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า อย่างตอนนี้ที่มีโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก (สัญญาที่ 4) ที่จะทำการก่อสร้างงานเข็มฐานรากและเสาของโครงสร้างงานสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 กลายเป็นว่าการเดินทางตั้งแต่ฝั่งพระราม 2 มาจนถึงพระราม 3 และเชื่อมต่อไปยังย่านอื่นๆ ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น

และสำหรับใครที่สนใจโครงการ “Nirvana BEYOND Rama 2” สามารถแวะเข้าไปเยี่ยมชมโครงการจริงได้ทุกวันครับ ทางโครงการมีมาตรการรองรับความปลอดภัยสำหรับการแพร่ระบาดของ COVID – 19 อย่างเคร่งครัด

หรือสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมสิทธิพิเศษได้ที่ >> คลิก

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor